เช็ครายการสินค้าก่อนสั่งซื้อ

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

ตลาดน้ำอัมพวา


ตลาดน้ำยามเย็น
ถึงแล้วอัมพวา.. ดูความทะเล้นของหลานคนโปรดคุณลุงเขาล่ะ ขอนั่งพักซักแป๊ปนึงนะ

เข้าใจทำ..สวยดีเนอะ อยากได้ไปแขวนที่บ้านมั้งอ่ะ

แง..แง..ช่วยซื้อหนูไปไว้ที่บ้านหน่อยน๊า.. เดื๋ยวเงินทองจะไหลมาเทมาเข้าพุงหนูนี่หละ แล้วท่านจะรวย รวย รวย

ผลไม้ของคุณลุง หวานกรอบ อร่อยค่ะ

โห..ดูในเรือดิ อาหารการกินเพียบ น้ำลายไหลแล้วนะเนี่ย เด๋วลงไปกินนะ

สองฝั่งคลอง จะเห็นเรือจอดรอผู้โดยสาร



น้ำปั่นหลากหลายสี หลากหลายกลิ่น เพิ่งดื่มกาแฟมาเมื่อตะกี้นี้เอง ไม่งั้นจะลองชิมซะหน่อย
























มาเที่ยวอัมพวา โดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เพราะเปลี่ยนโปรแกรมเที่ยวกระทันหัน ไปไม่ทัน ตลาดเช้าที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ได้เพื่อนรักโทรมาแนะนำให้มาที่อัมพวา ซึ่งเป็นตลาดน้ำยามเย็น จึงมีเวลาเดินเที่ยว แต่ยังไม่ได้นั่งเรือชมวัดนี่สิ เอาไว้โอกาสหน้าล่ะกัน จะมาเยี่ยมเยียนอัมพวาอีกค่ะ

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งที่หล่อจากไฟเบอร์กลาส แห่งแรกของประเทศไทย เกิดจากแรงบันดาลใจของผู้สร้างสรรค์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย อ.ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ มีวัตถุประสงค์ในอันที่จะส่งเสริม เผยแพร่อนุรักษ์ไว้ซึ่ง ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีของไทย อันจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าแก่เยาวชนสืบไป สำหรับการดำเนินงานปั้นหุ่นรายแรกมีปัญหามาก ทั้งทางด้านอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ ที่ต้องคิดออกแบบสร้างขึ้นมาเอง เพราะไม่มีขายในท้องตลาด ในที่สุดทางทีมงานของอ.ดวงแก้ว ก็สามารถสร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสสได้สำเร็จ ซึ่งหุ่นตัวแรกที่ปั้นได้สำเร็จเป็นหุ่นของพระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) ซึ่งเริ่มดำเนินการสร้างในราว พ.ศ.2525 เสร็จ พ.ศ.2527 หลังจากประสบความสำเร็จแล้ว คณะผู้ร่วมงานมีความเห็นว่าควรสนับสนุนให้สร้างต่อไปอีก ปัจจุบันคณะทำงานได้สร้างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสได้ถึง 37 รูป ดังที่เห็นจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้


ซื้อบัตรเข้าชมก่อนคร้า...
เปิดทำการทุกวัน :-
วันธรรมดา ตั้งแต่เวลา 09.00 น.- 17.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์-วันหยุดราชการ 08.30 น.-18.00 น.
สอบถามรายละเอียดหรือการเดินทาง :- โทร. 034-332607, 034-332109


หันไปเห็นไม้แกะสลัก วิวสวยดี ดูเป็นธรรมชาติ สะดุดตาค่ะ

พระเกจิดังๆ หลายรูปค่ะ





สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์


ชุด พระบรมรูปอดีตพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี

ครูเพลงไทย ครูเอื้อ สุนทรสนาน "สุนทราภรณ์" ครูไพบูลย์ บุตรขัน "ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่ง"

ครูจวงจันทน์ จันทร์คณา "บรมครูพรานบูรพ์"

ประธานาธิบดีลินคอร์นของสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลของอังกฤษ

มหาตมา คานธี บิดาแห่งประชาชาติอินเดีย เป็นนักการเมือง ได้ต่อสู้เพื่ออิสระภาพของประเทศ จากการปกครองของอังกฤษ โลกจะจดจำคานธี ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า มหาตมา แปลว่า ผู้มีจิตใจสูงส่ง คานธีใช้วิธีการของอหิงสา ในการแก้ปัญหาระหว่างมวลมนุษย์


ก๊กนี้กำลังเล่นหมากรุกกันอย่างเอาจริงเอาจัง ดูสีหน้าหุ่นชายชราเสื้อลายสิ เหมือนมีแววตายิ้มหยันของผู้กำลังได้เปรียบในเกม หุ่นชายหนุ่มคู่ต่อสู้ผู้เสียเปรียบ ในท่าครุ่นคิดที่จะแก้เกมให้ได้ พร้อมทั้งหุ่นชายอ้วนผู้ชม (เอะ! มีชายอ้วนยืนดูอยู่ 2 คน คนไหนเป็นหุ่นชายอ้วนกันแน่เนี่ย คริคริ) ที่กำลังจดจ้องเอาใจช่วย


โรงบ่อนเบี้ย ดูสีหน้าของเด็กที่ถูกนำมาใช้หนี้พนันอ่ะ เศร้าจริงจิรง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประชาชนที่เกียจคร้าน ไม่ทำมาหากิน ก็หันหน้าเข้าเป็นนักเลง ครั้นเล่นเบี้ยเสียโปลงแล้ว(ถั่วโป) ก็เอาลูกไปขาย รับใช้นายเงิน ครั้นลูกเติบใหญ่พ่อแม่ก็ขึ้นค่าตัวทุกทีๆ มีอยู่อย่างนี้โดยมาก ถึงลูกจะโตขึ้น คิดจะหาเงินทองมาใช้หนี้ให้พ้นจากความเป็นทาษก็ไม่ค่อยจะได้ พ่อแม่ขายไว้แพง ๆ เหลือกำลังที่ลูกจะไถ่ถอนตัวได้



ยุคก่อนเลิกทาส แสดงสีหน้าถึงความเจ็บปวด หลังจากโดนโบยซะหลังลายไปหมดเลย เสียดายที่ไม่มีรูปให้ดู(ถ่ายมาแล้วแต่ภาพมันเบลอค่ะ)

วิถีชีวิตไทย

สะท้อนให้เห็นถึงภาพชีวิตของครอบครัวไทย ที่มีเด็กชายอ้วนจ้ำม้ำ กำลังยืนอิงทำท่าอ้อน แม่และยาย เป็นภาพชีชิตที่แสดงถึงความรักและความอบอุ่นในครอบครัว โดยไม่ต้องอาศัยคำบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างยาย แม่และหลานเลยค่ะ

เผลอหลับไป อาจจะเหนื่อยล้าจากการทำงาน ร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ..น้ำลายจะไหลแย้ว
พี่เสมียนคนนี้เขาทำงานทั้งวัน ทั้งคืนเลย ไม่มีวันหยุดด้วย (ขยันจัง) ส่วนคุณลุง ติดตามข่าวสารตลอดเวลาเช่นกัน อ่านข่าวเสื้อแดง-เสื้อเหลืองป่ะเนี่ย ....อ้าวปลุกลุงกะป้าเขาหน่อยสิ ลุกไปอาบน้ำเข้านอนได้แล้ว ยุงเยอะนะ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวคอก็เคล็ดหรอก ลุง! ลุง!... ป้า! ป้า! ตื่นเถอะ!!!!

การเล่นหัวล้านชนกันซึ่งเป็นการละเล่นของผู้ใหญ่สมัยก่อน น่าจะเอามาเล่นกันในสมัยนี้บ้างเนอะ หุหุ คงหนุกน่าดู ลักษณะหัวล้านมี 7 ชนิด คือ 1. ทุ่งหมาหลง 2. ดงช้างข้าม 3. ง่ามเทโพ 4. ชะโดตีแปลง 5. แร้งกระพือปีก 6. ฉีกหางฟาด 7. ราชคลึงเครา ทั้ง 7 คนนี้ ใครล้านแบบไหน ดูเอาเองละกันนะ

การละเล่นของเด็กไทย เด็กสมัยนี้แทบจะไม่มีเล่นให้เห็นกันแล้ว
การละเล่น "รีรีข้าวสาร" หนุกหนานทุกคนเลยนะเนี่ย

การละเล่น "แมงมุม" ดูหน้าของหนูน้อยเสื้อแดงสิ โอ้ยยยย!!!เจ็บนะ!! จิกเบา ๆ หน่อยก็ได้ อิอิ

การละเล่น " จ้ำจี้ " ดูหน้าตาของทุกคนสิ เล่นกันได้อารมณ์ สุด สุด ไปเลย

การละเล่น " ขี่ช้างชนกัน " อู้ยยยย..หนักจังว่ะ จะหล่นแว้ว ...คนที่อยู่บนหลังเพื่อนชอบใจใหญ่ เดี๋ยวเพื่อนก็หมดแรงทิ้งเจ้าลงมาหรอก!

ถูกใจลุงกะหลาน หึหึ..เมื่อเห็นเจ้าจุก เจ้าแกะ กำลังเล่นขี่ช้างชนกัน อิอิ .....ด้านล่างนี่ก็ สุนทรภู่ กวีเอกของโลก มีชื่อเสียงในด้านสำนวนกลอน จนได้รับการยกย่องว่า เป็นบรมครูกลอนแปด และเป็นกวีที่มีจินตนาการกว้างไกล สร้างโครงเรื่องของนิทานได้น่าสนใจ ชวนให้น่าติดตาม ถัดไป ก็เป็นหุ่นปั้นพระอภัยมณี ปั้นได้สวยงามทีเดียว ตัวละครในวรรณคดีมาอยู่ที่นี่กันครบ

Trip วันเดียวได้เที่ยว 2 ที่(แต่คุณสามีบ่นตั้งแต่เช้าว่าอยากไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก ไปไม่ทันเวลาแล้วอ่ะค่ะเพราะเพื่อนบอกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นตลาดเช้าต้องไปถึงที่นั่น 7 โมงถึงจะดี จะเห็นแม่ค้าพายเรือขายของกันมากมาย..รอสามีมาเมืองไทยครั้งต่อไปเราค่อยไปละกัน เหอะน่า อย่าบนเลยน่ะ) กว่าเราจะออกเดินทางจากกรุงเทพและรอรถที่จะเอาไปเที่ยวก็สายโด่งแล้ว เลยเปลี่ยนtrip ไปดูหุ่นขี้ผึ้งที่นครปฐม พาหลานตัวแสบไปเที่ยวด้วย เรามีเพื่อนที่แสนดีคอยโทรหาตลอดทาง (ไม่เคยไปนี่นา เพื่อนน้องชายคอยขับรถไปให้)...หลังจากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแล้ว เราไปต่อกันที่ ตลาดน้ำอัมพวา นี่ก็บ่ายโมงแล้ว