ก่อนอื่น..ขอแนะนำเจ้าภาพในงานเลี้ยงส่งหลานและแสดงความยินดีกับหลานคนเก่ง ที่สอบเข้าเรียนมหาลัยเทคโนพระจอมเกล้าธนบุรี หลานไอซ์เรียนวิศวกรรมโยธา หลักสูตรนานาชาติค่ะ
คนที่สวมมงกุฎดอกหญ้า..เอ้ย ดอกไม้สวย ๆ นั่นแหล่ะค่ะ เจ้าภาพในงาน (เป็นเจ้าภาพที่จะเรียกได้ว่าประหยัดหรือขี้เหนียวดีหว่า ...สั่งเฉพาะกับข้าว ส่วนข้าว เครื่องดื่ม น้ำแข็งขอทางร้านเอามาเองน่ะ หุหุ นี่เจ้าของร้านทองน่ะเนี่ย)
นักร้องกิตติมศักดิ์ ประจำงานค่ะ
ระหว่างนั่งรออาหาร... ฟังเสียงเพราะ ๆ นี้ไปพลาง ๆ ... อย่าเพิ่งโวยวายซะก่อนล่ะ ทนฟังไปเหอะ( พูดเล่นอ่ะ..เสียงน้องเค้าเพราะจริง ๆ น่ะ) วันนั้น ไม่รู้ว่ามีแมวมองไปกินอาหารแถว ๆ นั้นป่ะ...อาจจะมีติดต่อมาและ เรียกเข้าไปเทสเสียงที่แกรมมี่ ก้อได้น่ะ
คนนี้แหละ หลานคนเก่งค่ะ ...ส่วนพี่ชายคนที่นั่งถัดไปเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ปี3 แล้วค่ะ
อ้าว!!!พี่อ๊อฟนั่งรออาหารนาน ง่วงนอนซะแล้ว
มีนักร้องเพิ่มมาอีกหนึ่งล่ะ (ทนฟังแทบแย่ อิอิ พูดเล่นน๊า ร้องไปเหอะ ร้องให้จบเพลง บุ๋ง บุ๋ง ดำน้ำอ่ะ)
ครอบครัวคนเก่ง
สองพธู.. มัวแต่ร้องเพลง... หลาน ๆ กินอิ่มกันหมดแล้ว ไปนั่งร้องเพลงอยู่หน้าจอทีวี
ป้อนเพลงเพราะ ๆ ร้องกันให้หนุก ไปเล้ย
ลืมบอกไปว่าห้องนี้เป็นห้อง VIP ค่ะ จึงไม่ส่งเสียงไปรบกวนโสดประสาทหูคนอื่นเขา ไม่งั้นก้อ นักร้องของเราโดนยำไปแล้ว
วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553
ถ้ำเจ้าราม
ถ้ำเจ้าราม อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย ณ บริเวณหน่วยพิทักษ์เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังตะเคียน เขตป่าสงวนแห่งชาติ แม่มอก-แม่ลำพัน หมู่ที่ 15 ตำบลวังน้ำขาว อยู่ห่างจากอำเภอบ้านด่านลานหอยไปทางทิศเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร
ความเป็นมาของถ้ำเจ้าราม
“ถ้ำพระราม” เดิมปรากฏอยู่ในปลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ต่อมาชาวบ้านแถบนั่นเรียกเพี้ยนไปเป็น “ถ้ำเจ้าราม” จากหลักฐานและคำบอกเล่าสันนิษฐานว่าถ้ำเจ้ารามน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพ่อขุนรามคำแหง อยู่ 2 ประการ
ประการที่ 1 เป็นที่พักผ่อนของพ่อขุนรามฯ เพราะเป็นบริเวณถ้ำที่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงาม
ประการที่ 2 เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู เพราะในบริเวณส่วนกลางของถ้ำเป็นที่โล่งกว้างด้านบนมีปล่อง
แสงอาทิตย์ส่องลงมาได้ สามารถบรรจุคนได้มากพอสมควร และยังมีแผ่นศิลาจารึกเป็นภาษาสุโขทัยปรากฏอยู่ในถ้ำ
ชาวบ้านเชื่อกันว่าในระหว่างการเข้าชมถ้ำเจ้าราม ไม่สมควรพูดจาหยาบคายหรือลบหลู่ และมิควรกระทำมิดีเพราะจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ ได้ เช่น มูลค้างคาว ซึ่งมีค่ามหาศาลทำให้เกิดความโลภของมนุษย์ จนเกิดเพทภัยถึงแก่ชีวิตมาแล้วหลายคน
จากการบอกเล่าของชาวบ้านมีผู้ที่เคยเข้าไปสำรวจภายในถ้ำเจ้าราม พบว่ามีลักษณะแคบบ้างกว้างบ้างและยาวมาก กล่าวว่าท้ายถ้ำยาวไปถึงจังหวัดลำปาง สังเกตจากมูลค้างคาวถูกไฟไหม้ที่ปากถ้ำ แต่มีควันไฟไปออกที่ปลายถ้ำ ซึ่งเป็นบริเวณติดต่อดังกล่าว ภายในถ้ำมีสระน้ำขนาดใหญ่ และเคยมีผู้พบพระพุทธรูปสมัยเก่าหลายองค์ในน้ำ
จุดเด่นทางธรรมชาติ
ถ้ำพระราม เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวกินแมลงหลายชนิด ที่สำคัญคือ ค้างคาวปากย่น มีประมาณ แปดแสน - หนึ่งล้านตัน จะออกมาหากินในตอนเย็นโดยบินต่อกันเป็นทิวสาย สวยงามประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
ต้นสักใหญ่ เป็นต้นสักขนาดใหญ่ที่ยืนต้น และยังมีชิวิตอยู่สูงประมาณ 25 เมตร เส้นรอบวงประมาณ 630 ซม. อยู่ห่างจากถ้ำพระรามไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กม.
ดงจันทน์ผา เป็นสังคมพืชเขาหินปูน โดยมีต้นจันทน์ผาขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่อยู่หลังหน่วยพิทักษ์ป่าเชิงผาน้ำตกเชิงผา เป็นน้ำตกที่เกิดจากแหล่งน้ำซับ ที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน มี 3 ชั้น ชั้นบนสูงสุดประมาณ 20 เมตร
อ่างเก็บน้ำหนองเคาะ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก อยู่บริเวณหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าวังตะเคียน เป็นที่พักผ่อนของประชาชนในการตกปลา
ความรู้เกี่ยวกับค้างคาว
เชื่อกันว่า “ค้างคาว” เป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษของสัตว์กินแมลงที่หากินอยู่บน ต้นไม้ มีการค้นพบฟอสซิลค้างคาวที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในยุค EOCENE หรือราว 50 ล้านปีมาแล้ว
ค้างคาว นับเป็นสัตว์ที่มีความมหัศจรรย์มาก คือ มีการติดต่อสื่อสาร โดยการส่งคลื่นโซน่าร์ เพื่อหลบหลีกสิ่งที่กีดขวางต่าง ๆ
ค้างคาว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่บินได้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มค้างคาวกินผลไม้ มี 166 ชนิด ในประเทศไทยพบ 18 ชนิด ค้างคาวชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนของโลกเท่านั้น และมีกลุ่มหนึ่งเป็นค้างคาวกินแมลง มี 759 ชนิด ในประเทศไทยพบ 90 ชนิด จากการสำรวจค้างคาวที่อาศัยอยู่ในถ้ำเจ้าราม ประมาณ 2 ล้านตัวพบว่ามีค้างคาวอยู่ 6 ชนิด คือ ค้างคาวเล็บกุด ค้างคาวปีกถุง ค้างคาวหน้ายักษ์กระบังหน้า ค้างคาวหน้ายักษ์สามลีบ ค้างคาวปากย่น และ ค้างคาวปีกพับใหญ่ ทั้ง 6 ชนิดเป็นค้างคาวกินแมลง
ที่น่าแปลกใจคือ ทุกครั้งที่ฝูงค้างคาวเริ่มบินออกจากถ้ำเพื่อออกจับแมลงกินเป็นอาหาร จะมีค้างคาวกลุ่มแรกทำหน้าที่เป็นค้างคาวหน่วยกล้าตายที่เสียสละชีวิตตัวเอง โดยจะบินหลอกล่อให้เหยี่ยวที่รอจับกินค้างคาวหันเหบินไล่ตามค้างคาวกลุ่มแรก ค้างคาวกลุ่มต่อมาจะบินออกจากถ้ำเป็นฝูงต่อเนื่องกันโดยไม่ขาดสาย เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ผู้ชมจะมองเห็นฝูงค้างคาวนับแสนตัวที่บินออกมาเกาะกลุ่มกัน เป็นเส้นโค้งยาวพาดผ่านท้องฟ้ายามโพล้เพล้ ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ค้างคาวเหล่านี้จะทยอยบินกลับถ้ำพร้อมกันในตอนเช้ามืด
ข้อแนะนำในการเยี่ยมชมถ้ำเจ้าราม
1. การเดินทางไปถ้ำเจ้าราม สามารถเดินทางโดยทางรถยนต์ถึงบริเวณหน้าถ้ำ ระยะทางจากอำเภอ บ้านด่านลานหอยถึงถ้ำเจ้าราม ประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
2. สิ่งของที่ต้องเตรียมไป สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชมภายในถ้ำ ควรมีเสื้อไว้ผลัดเปลี่ยน เพราะภายในถ้ำมีมูลค้างคาวจำนวนมากอาจฟุ้งกระจายติดตัว และควรมีไฟฉายไปด้วย เพราะภายในถ้ำมืดมาก และสำหรับผู้ที่ต้องการชมฝูงค้างคาว ควรเตรียมอาหารเย็นไปด้วยและหากต้องการพักค้างคืนบริเวณหน้าถ้ำเพื่อชมฝูงค้างคาวบินเข้าถ้ำ ควรนำเต้นท์และเครื่องนอนไปด้วย
3. ช่วงเวลาในการเยี่ยมชมถ้ำเจ้าราม
เวลา 14.00 น. ควรเดินทางถึงบริเวณหน้าถ้ำ
เวลา 14.00-17.00 น. เข้าเยี่ยมชมภายในถ้ำและทิวทัศน์รอบ ๆ ถ้ำ
เวลา 17.00 น. เตรียมพร้อมสำหรับชมฝูงค้างคาวบินออกจากถ้ำ เพื่อหากินในตอนกลางคืน
เวลา 17.30 น. ชมฝูงค้างคาวทยอยบินออกจากถ้ำพร้อมรับประทานอาหารและพักผ่อนตามอัธยาศัย
เวลา 06.00 น. ของวันถัดมาชมฝูงค้างคาวทยอยบินเข้าถ้ำ
เส้นทางคมนาคม
1. จากจังหวัดสุโขทัยไปตามถนนสายสุโขทัย-ทุ่งเสลี่ยม ระยะทาง 67 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อถนนลูกรัง รพช.สายทุ่งเสลี่ยม-บ้านด่านลานหอย 19 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำ เจ้าราม รวมระยะทาง 86 กิโลเมตร
2. จากจังหวัดสุโขทัยไปตามถนนสายสุโขทัย-ตาก ถึง อ.บ้านด่านลานหอย ระยะทาง 27 กิโลเมตร แล้วเลี้ยงขวาเข้าถนนสายบ้านด่านลานหอย-ทุ่งเสลี่ยม 34 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม รวมระยะทาง 61 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อเข้าเยี่ยมชมถ้ำเจ้าราม ผู้ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมถ้ำเจ้ารามต้องติดต่อขออนุญาตจากหน่วยพิทักษ์เขตห้างล่าสัตว์ป่าฯ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยหนองเคาะ ก่อนถึงถ้ำเจ้ารามประมาณ 7 กิโลเมตร
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอบ้านด่านลานหอย โทรศัพท์ 0-5568-9024
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและบทความ sukhothai.go.th
เส้นทางไปถ้ำค้างคาว...จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก วิวสวยมาก
อ่ะ..อ่ะ...สองหนุ่มทำอะไรกันจ๊ะ
เจ้าหน้าที่ป่าไม้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมถ้ำค้างคาว
ถ้ำค้างคาวเป็นอย่างนี้นี่เอง...
พาdarlingและหลาน ๆ เที่ยวถ้ำค้างคาว หนุกมั๊ก มั๊กคร้า...
ระหว่างรอเวลาที่จะดูค้างคาวออกจากถ้ำ darling วิ่งเล่นกะหลาน ๆ (ระวังจะผอมน่ะ darling)
ค้างคาวจะออกจากถ้ำไปหากิน เวลาประมาณ 5 โมงครึ่งในฤดูหนาว(มืดเร็ว) หรือ 6 โมงเย็น ในฤดูร้อน
ที่เห็นเป็นสายๆ สีดำ...ค้างคาวบินออกไปหากินแล้วค่ะ เป็นล้าน ๆ ตัวเลย ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงถึงจะบินออกจากถ้ำหมด เสียดายที่ส่วนใหญ่จะถ่ายเป็นวีดีโอ
ความเป็นมาของถ้ำเจ้าราม
“ถ้ำพระราม” เดิมปรากฏอยู่ในปลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ต่อมาชาวบ้านแถบนั่นเรียกเพี้ยนไปเป็น “ถ้ำเจ้าราม” จากหลักฐานและคำบอกเล่าสันนิษฐานว่าถ้ำเจ้ารามน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพ่อขุนรามคำแหง อยู่ 2 ประการ
ประการที่ 1 เป็นที่พักผ่อนของพ่อขุนรามฯ เพราะเป็นบริเวณถ้ำที่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงาม
ประการที่ 2 เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู เพราะในบริเวณส่วนกลางของถ้ำเป็นที่โล่งกว้างด้านบนมีปล่อง
แสงอาทิตย์ส่องลงมาได้ สามารถบรรจุคนได้มากพอสมควร และยังมีแผ่นศิลาจารึกเป็นภาษาสุโขทัยปรากฏอยู่ในถ้ำ
ชาวบ้านเชื่อกันว่าในระหว่างการเข้าชมถ้ำเจ้าราม ไม่สมควรพูดจาหยาบคายหรือลบหลู่ และมิควรกระทำมิดีเพราะจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ ได้ เช่น มูลค้างคาว ซึ่งมีค่ามหาศาลทำให้เกิดความโลภของมนุษย์ จนเกิดเพทภัยถึงแก่ชีวิตมาแล้วหลายคน
จากการบอกเล่าของชาวบ้านมีผู้ที่เคยเข้าไปสำรวจภายในถ้ำเจ้าราม พบว่ามีลักษณะแคบบ้างกว้างบ้างและยาวมาก กล่าวว่าท้ายถ้ำยาวไปถึงจังหวัดลำปาง สังเกตจากมูลค้างคาวถูกไฟไหม้ที่ปากถ้ำ แต่มีควันไฟไปออกที่ปลายถ้ำ ซึ่งเป็นบริเวณติดต่อดังกล่าว ภายในถ้ำมีสระน้ำขนาดใหญ่ และเคยมีผู้พบพระพุทธรูปสมัยเก่าหลายองค์ในน้ำ
จุดเด่นทางธรรมชาติ
ถ้ำพระราม เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวกินแมลงหลายชนิด ที่สำคัญคือ ค้างคาวปากย่น มีประมาณ แปดแสน - หนึ่งล้านตัน จะออกมาหากินในตอนเย็นโดยบินต่อกันเป็นทิวสาย สวยงามประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
ต้นสักใหญ่ เป็นต้นสักขนาดใหญ่ที่ยืนต้น และยังมีชิวิตอยู่สูงประมาณ 25 เมตร เส้นรอบวงประมาณ 630 ซม. อยู่ห่างจากถ้ำพระรามไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กม.
ดงจันทน์ผา เป็นสังคมพืชเขาหินปูน โดยมีต้นจันทน์ผาขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่อยู่หลังหน่วยพิทักษ์ป่าเชิงผาน้ำตกเชิงผา เป็นน้ำตกที่เกิดจากแหล่งน้ำซับ ที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน มี 3 ชั้น ชั้นบนสูงสุดประมาณ 20 เมตร
อ่างเก็บน้ำหนองเคาะ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก อยู่บริเวณหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าวังตะเคียน เป็นที่พักผ่อนของประชาชนในการตกปลา
ความรู้เกี่ยวกับค้างคาว
เชื่อกันว่า “ค้างคาว” เป็นสัตว์ที่มีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษของสัตว์กินแมลงที่หากินอยู่บน ต้นไม้ มีการค้นพบฟอสซิลค้างคาวที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในยุค EOCENE หรือราว 50 ล้านปีมาแล้ว
ค้างคาว นับเป็นสัตว์ที่มีความมหัศจรรย์มาก คือ มีการติดต่อสื่อสาร โดยการส่งคลื่นโซน่าร์ เพื่อหลบหลีกสิ่งที่กีดขวางต่าง ๆ
ค้างคาว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่บินได้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มค้างคาวกินผลไม้ มี 166 ชนิด ในประเทศไทยพบ 18 ชนิด ค้างคาวชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนของโลกเท่านั้น และมีกลุ่มหนึ่งเป็นค้างคาวกินแมลง มี 759 ชนิด ในประเทศไทยพบ 90 ชนิด จากการสำรวจค้างคาวที่อาศัยอยู่ในถ้ำเจ้าราม ประมาณ 2 ล้านตัวพบว่ามีค้างคาวอยู่ 6 ชนิด คือ ค้างคาวเล็บกุด ค้างคาวปีกถุง ค้างคาวหน้ายักษ์กระบังหน้า ค้างคาวหน้ายักษ์สามลีบ ค้างคาวปากย่น และ ค้างคาวปีกพับใหญ่ ทั้ง 6 ชนิดเป็นค้างคาวกินแมลง
ที่น่าแปลกใจคือ ทุกครั้งที่ฝูงค้างคาวเริ่มบินออกจากถ้ำเพื่อออกจับแมลงกินเป็นอาหาร จะมีค้างคาวกลุ่มแรกทำหน้าที่เป็นค้างคาวหน่วยกล้าตายที่เสียสละชีวิตตัวเอง โดยจะบินหลอกล่อให้เหยี่ยวที่รอจับกินค้างคาวหันเหบินไล่ตามค้างคาวกลุ่มแรก ค้างคาวกลุ่มต่อมาจะบินออกจากถ้ำเป็นฝูงต่อเนื่องกันโดยไม่ขาดสาย เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ผู้ชมจะมองเห็นฝูงค้างคาวนับแสนตัวที่บินออกมาเกาะกลุ่มกัน เป็นเส้นโค้งยาวพาดผ่านท้องฟ้ายามโพล้เพล้ ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ค้างคาวเหล่านี้จะทยอยบินกลับถ้ำพร้อมกันในตอนเช้ามืด
ข้อแนะนำในการเยี่ยมชมถ้ำเจ้าราม
1. การเดินทางไปถ้ำเจ้าราม สามารถเดินทางโดยทางรถยนต์ถึงบริเวณหน้าถ้ำ ระยะทางจากอำเภอ บ้านด่านลานหอยถึงถ้ำเจ้าราม ประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
2. สิ่งของที่ต้องเตรียมไป สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชมภายในถ้ำ ควรมีเสื้อไว้ผลัดเปลี่ยน เพราะภายในถ้ำมีมูลค้างคาวจำนวนมากอาจฟุ้งกระจายติดตัว และควรมีไฟฉายไปด้วย เพราะภายในถ้ำมืดมาก และสำหรับผู้ที่ต้องการชมฝูงค้างคาว ควรเตรียมอาหารเย็นไปด้วยและหากต้องการพักค้างคืนบริเวณหน้าถ้ำเพื่อชมฝูงค้างคาวบินเข้าถ้ำ ควรนำเต้นท์และเครื่องนอนไปด้วย
3. ช่วงเวลาในการเยี่ยมชมถ้ำเจ้าราม
เวลา 14.00 น. ควรเดินทางถึงบริเวณหน้าถ้ำ
เวลา 14.00-17.00 น. เข้าเยี่ยมชมภายในถ้ำและทิวทัศน์รอบ ๆ ถ้ำ
เวลา 17.00 น. เตรียมพร้อมสำหรับชมฝูงค้างคาวบินออกจากถ้ำ เพื่อหากินในตอนกลางคืน
เวลา 17.30 น. ชมฝูงค้างคาวทยอยบินออกจากถ้ำพร้อมรับประทานอาหารและพักผ่อนตามอัธยาศัย
เวลา 06.00 น. ของวันถัดมาชมฝูงค้างคาวทยอยบินเข้าถ้ำ
เส้นทางคมนาคม
1. จากจังหวัดสุโขทัยไปตามถนนสายสุโขทัย-ทุ่งเสลี่ยม ระยะทาง 67 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อถนนลูกรัง รพช.สายทุ่งเสลี่ยม-บ้านด่านลานหอย 19 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำ เจ้าราม รวมระยะทาง 86 กิโลเมตร
2. จากจังหวัดสุโขทัยไปตามถนนสายสุโขทัย-ตาก ถึง อ.บ้านด่านลานหอย ระยะทาง 27 กิโลเมตร แล้วเลี้ยงขวาเข้าถนนสายบ้านด่านลานหอย-ทุ่งเสลี่ยม 34 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม รวมระยะทาง 61 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อเข้าเยี่ยมชมถ้ำเจ้าราม ผู้ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมถ้ำเจ้ารามต้องติดต่อขออนุญาตจากหน่วยพิทักษ์เขตห้างล่าสัตว์ป่าฯ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยหนองเคาะ ก่อนถึงถ้ำเจ้ารามประมาณ 7 กิโลเมตร
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอบ้านด่านลานหอย โทรศัพท์ 0-5568-9024
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและบทความ sukhothai.go.th
เส้นทางไปถ้ำค้างคาว...จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก วิวสวยมาก
อ่ะ..อ่ะ...สองหนุ่มทำอะไรกันจ๊ะ
เจ้าหน้าที่ป่าไม้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมถ้ำค้างคาว
ถ้ำค้างคาวเป็นอย่างนี้นี่เอง...
พาdarlingและหลาน ๆ เที่ยวถ้ำค้างคาว หนุกมั๊ก มั๊กคร้า...
ระหว่างรอเวลาที่จะดูค้างคาวออกจากถ้ำ darling วิ่งเล่นกะหลาน ๆ (ระวังจะผอมน่ะ darling)
ค้างคาวจะออกจากถ้ำไปหากิน เวลาประมาณ 5 โมงครึ่งในฤดูหนาว(มืดเร็ว) หรือ 6 โมงเย็น ในฤดูร้อน
ที่เห็นเป็นสายๆ สีดำ...ค้างคาวบินออกไปหากินแล้วค่ะ เป็นล้าน ๆ ตัวเลย ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงถึงจะบินออกจากถ้ำหมด เสียดายที่ส่วนใหญ่จะถ่ายเป็นวีดีโอ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)